"ปากหมู" กับ "ปากแตร" นี่ก็เป็นชื่อเรียกชันโรงแบบชาวบ้านที่น่าสนใจ บ่งบอกถึงลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัดเจน
มาดูกันครับว่า "ปากหมู" กับ "ปากแตร" คือชันโรงชนิดใด และเหมาะเลี้ยงในภาคไหนบ้าง1. ปากหมู:
มักหมายถึง ชันโรงปากแหว่ง (Tetragonula collina)
ที่มาของชื่อ: สังเกตจากปลายปากด้านบนที่เว้าแหว่ง คล้ายจมูกหมู จึงถูกเรียกว่า "ปากหมู"
ความเหมาะสมในการเลี้ยง:
ชันโรงปากแหว่ง เลี้ยงได้ดีใน ทุกภาคของไทย
เป็นชันโรงที่ปรับตัวเก่ง ทนทาน เลี้ยงง่าย ให้น้ำผึ้งปริมาณมาก
ภาคกลาง มักเรียกว่า "อุงปากแหว่ง" หรือ "อุงหางแหลม"
ภาคเหนือ อาจเรียกว่า "อุงเมือง"
2. ปากแตร:
ชื่อนี้มักทำให้สับสนได้ง่าย เพราะอาจหมายถึงชันโรงได้หลายชนิด ที่มีลักษณะปากคล้ายแตร เช่น
ชันโรงหางแฉก (Tetragonula fuscobalteata): มีปลายท้องปล้องที่ 5 เว้าลึก ส่วนปากมีลักษณะแหลมคล้ายแตร
ชันโรงปากแตร (Tetragonula laotrigona): มีขนาดเล็ก ปากแหลมยาว คล้ายแตร
ความเหมาะสมในการเลี้ยง:
ชันโรงหางแฉก พบมากในภาคใต้ เหมาะกับการเลี้ยงในพื้นที่ภาคใต้มากกว่า
ชันโรงปากแตร พบได้ทุกภาค แต่ไม่นิยมเลี้ยง เพราะให้ผลผลิตน้ำผึ้งน้อย
เกร็ดน่ารู้:
การเลือกชันโรงมาเลี้ยง นอกจากดูชื่อเรียกและลักษณะแล้ว ควรคำนึงถึงความเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศของพื้นที่ด้วย
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือเกษตรกรผู้เลี้ยงชันโรงในพื้นที่ จะช่วยให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำ และเหมาะสมกับพื้นที่มากที่สุด
.
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น