จำหน่ายอุปกรณ์เลี้ยงผึ้งทุกชนิด


วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2568

งานวิจัยหลายฉบับในประเทศไทยที่ศึกษาเกี่ยวกับการเลี้ยงชันโรง

 ​มีงานวิจัยหลายฉบับในประเทศไทยที่ศึกษาเกี่ยวกับการเลี้ยงชันโรงและการออกแบบกล่องเลี้ยงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตน้ำผึ้งและการผสมเกสรพืช .​arda.or.th+1ThaiJo2.1: Thai Journal Online+1

🔬 ตัวอย่างงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

  1. การวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงชันโรงในเขตวนเกษตร
    ศึกษาการเลี้ยงชันโรงในพื้นที่วนเกษตรเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม .

  2. มหัศจรรย์ชันโรง
    งานวิจัยที่ศึกษาชีววิทยาของชันโรงขนเงิน (Tetragonula pegdeni) และการเลี้ยงในลังไม้เพื่อเพิ่มผลผลิตน้ำผึ้งและการผสมเกสรพืช .

  3. ความคุ้มค่าเชิงเศรษฐกิจของการเลี้ยงชันโรงในระบบนิเวศที่เหมาะสม
    วิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนจากการเลี้ยงชันโรงในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ .

  4. คู่มือการเลี้ยงชันโรงเพื่อสร้างอาชีพทางเลือก
    ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงชันโรงในประเทศไทย รวมถึงเทคนิคการเลี้ยงและการออกแบบกล่องเลี้ยงที่เหมาะสม .

หากคุณสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกแบบกล่องเลี้ยงชันโรงหรือเทคนิคการเลี้ยงที่เหมาะสม สามารถแจ้งได้เลยครับ ผมยินดีที่จะช่วยสรุปข้อมูลจากงานวิจัยเหล่านี้ให้เข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้จริงในสวนของคุณ

กล่องเลี้ยงชันโรงแบบ 2 ชั้น “เมื่อไรชันโรงจะขึ้นไปชั้น 2?”

 

ถ้าคุณทำ กล่องเลี้ยงชันโรงแบบ 2 ชั้น (เช่น ชั้นล่างเป็นห้องรังตัว, ชั้นบนเก็บน้ำหวาน) แล้วสงสัยว่า…

“เมื่อไรชันโรงจะขึ้นไปชั้น 2?”



 

✅ คำตอบคือ:

ชันโรงจะขึ้นชั้น 2 ก็ต่อเมื่อ “ชั้นล่างเริ่มแน่น” และมีแรงงานมากพอ
โดยทั่วไปจะเริ่มมีสัญญาณว่า “จะขึ้นชั้นบน” ภายใน 3–6 เดือน หลังตั้งรัง (หรือเร็วช้าตามฤดูกาลและพันธุ์)


🐝 เงื่อนไขที่ทำให้ชันโรง “ขึ้นชั้น 2”:

  1. ห้องรังชั้นล่างแน่นแล้ว

    • ช่องว่างหมด

    • มีห้องตัวอ่อนเยอะ

    • มีห้องเก็บน้ำหวาน-เกสรแน่นจนขยายต่อไม่ได้

  2. มีแรงงานพร้อม

    • จำนวนประชากรเยอะขึ้น มีตัวงานบินหาอาหารได้ดี

    • มีน้ำหวานเก็บมากกว่าที่ชั้นล่างจะรับไหว

  3. อากาศไม่เย็นหรือฝนตกต่อเนื่อง

    • ฤดูฝนมักทำให้พัฒนาเชื่องช้า หรือหยุดขยาย

    • หน้าร้อนหรือปลายหนาว มักเป็นช่วงขยายดีที่สุด


🔎 วิธีสังเกตว่าเริ่มขึ้นชั้น 2 แล้ว:

  • มีเรซินเริ่มปรากฏในช่องชั้นบน

  • มีพนักงานชันโรงบินขึ้นลงระหว่างชั้น

  • เปิดดูชั้นบนแล้วเริ่มมี "ห้องน้ำหวานเล็กๆ" ปรากฏ


💡 เคล็ดลับกระตุ้นให้ขึ้นชั้นไว:

  • ตั้งในที่แดดออกช่วงเช้า อุ่นเร็ว กระตุ้นการทำงาน

  • มีดอกไม้ใกล้ๆ หรือวางน้ำหวาน-เกสรเสริม

  • อย่ารบกวนบ่อยเกินไป โดยเฉพาะช่วงสร้างห้องรัง




ชันโรง เมื่อตื่นแล้ว เขาทำอะไร

 พอตื่นนอนออกจากรังตอนเช้าแล้ว “ชันโรง” จะเริ่มทำงานกันแบบ ไม่มีหยุด ไม่มีเล่นมือถือ ไม่มีเลื่อนฟีดเฟซบุ๊ก ดังนี้:





🐝 ตารางชีวิตย่อของชันโรงหลังตื่น

  1. ตรวจสอบรัง

    • พวกยามจะออกมาวนรอบรัง เช็กความปลอดภัยก่อน

    • ถ้ามีรังคู่แข่งหรือมดมารังควาน จะรีบไล่ทันที

  2. ออกหาอาหาร (รวงงานเริ่มทำงาน)

    • บินออกไปเก็บน้ำหวาน, เกสร, เรซิน (จากต้นไม้)

    • นำกลับมาป้อนให้ตัวอ่อน และเก็บสำรองไว้ในรัง

  3. ช่างก่อสร้างประจำรัง

    • ใช้เรซิน + ขี้ผึ้งซ่อมแซมรูรั่ว

    • สร้างโพรงใหม่ ตกแต่งรังให้แน่นหนาอยู่เสมอ

  4. แม่บ้านรัง (พวกตัวเมียวัยทำงาน)

    • ทำความสะอาดห้องเลี้ยงตัวอ่อน

    • เคลียร์เศษซากต่างๆ ออกนอกบ้าน

  5. พยาบาลประจำรัง

    • เลี้ยงตัวอ่อนด้วยน้ำหวานและเกสรที่ขนกลับมา

    • คอยควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในรังด้วยปีกตัวเอง

  6. ว่างแล้ว? ไปบินต่ออีกรอบ

    • ทั้งหมดจะหมุนเวียนกันออกหาอาหารต่อไปเรื่อยๆ จนใกล้เย็น


🌅 สรุปง่ายๆ:

ตื่นเช้ามาไม่ได้นั่งจิบกาแฟ ชันโรงทำงานเลยทันที
ใครอยู่ในรังก็มีหน้าที่ดูแลในรัง
ใครบินได้ ก็ออกไปหาอาหาร
ทำวนทั้งวันจนแดดร่มลมตก แล้วค่อยกลับเข้าบ้าน



 

ชันโรงตื่นกี่โมง

 โดยทั่วไป ชันโรง (Stingless bees) จะเริ่มตื่นและออกทำงานในช่วงเช้า ประมาณ 6:00 – 7:00 น. (ขึ้นอยู่กับแสงแดดและอุณหภูมิ)




รายละเอียดเพิ่มเติม:

  • ถ้าอากาศ อุ่น แดดออกเร็ว: อาจเริ่มบินออกหาอาหารตั้งแต่ 6 โมงเช้า

  • ถ้าอากาศ เย็นหรือฝนตก: อาจเลื่อนออกมาสายกว่านั้น หรือ ไม่ออกเลยทั้งวัน

  • แสงแดด มีผลมาก ชันโรงชอบอากาศอบอุ่น แดดอ่อนๆ ถ้าเลี้ยงไว้ในร่มหรือที่แดดส่องไม่ถึง อาจทำให้ขี้เกียจตื่นหรือหาอาหารน้อยลง

สรุปง่ายๆ:

“ชันโรงเป็นพวกนอนเร็วตื่นเช้า ถ้าแดดมามันก็มา ถ้าอากาศเย็นมันก็แอบซุกอยู่ในบ้าน”




 

ถ้ามันอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ เราก็ตัดท้้งกระบอกมาวางในกล่องได้เลย

 

ชันโรงทำรังอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ วิธีที่ปลอดภัยและได้ผลที่สุดคือ:

🪓 ตัดเอาทั้งกระบอกไม้ไผ่นั้น (ที่มีรังอยู่) มาวางไว้ในกล่องเลี้ยงเลย
แล้วปล่อยให้มันอยู่ต่อ – ขยายรัง – ขนของ – สร้างห้องเก็บน้ำหวานเองในกล่อง



 


📦 วิธีทำ (ง่ายๆ ไม่ให้พัง ไม่ให้หนี)

1. ตัดกระบอกไม้ไผ่พร้อมรัง

  • เลื่อยไม้ไผ่ให้ยาวเลยตัวรังออกมา ~5–10 ซม. ทั้งสองด้าน

  • อย่าเขย่าแรง อย่าทุบ อย่าเคาะ

คิดซะว่าเอา “บ้านพร้อมคนอยู่” มาอย่างนุ่มนวล

2. นำไปใส่ในกล่องไม้ (ชั้นล่าง)

  • ใช้กล่องไม้สูง 4 นิ้ว กว้างพอให้ไม้ไผ่วางนอนแนบ

  • ใช้เศษไม้หรือฟองน้ำ หนุนไว้กันกลิ้ง

  • เจาะรูจากด้านหน้าให้ตรงกับปากกระบอกเดิม (หรือปล่อยให้มันต่อปากใหม่เองก็ได้)

3. ตั้งกล่องไว้ที่เดิมหรือใกล้เคียง

  • เพื่อให้ชันโรงหาทางกลับรังได้

  • หรือถ้าย้ายไกล ค่อยๆ เปิดรูใหม่ให้มันค่อยๆ ปรับตัว (ใช้กลิ่นล่อช่วยได้)


💡 เคล็ดลับ:

  • ถ้าอยากให้ “ขนของออกมาไว้ในกล่อง” → เปิดฝาไม้ไผ่ด้านหลังนิดเดียว

  • หรือค่อยๆ เจาะรูกระบอกด้านบน → ชันโรงจะเริ่มสร้างโพรงเชื่อมกับกล่องเอง


📌 สรุปแบบชาวสวน:

“มันอยู่ในไม้ไผ่ ก็เอาไม้ไผ่ไปใส่กล่องไม้เลย
ไม่ต้องแงะ ไม่ต้องแคะ ไม่ต้องล้วง
อยู่ต่อในกล่องได้แน่นอน แถมขยายรังไวขึ้นด้วย”

พันธุ์ชันโรงที่นิยมทำรังในกระบอกไม้ไผ่

 

🐝 พันธุ์ชันโรงที่นิยมทำรังในกระบอกไม้ไผ่ (หรือโพรงแคบ-ลึก) ได้แก่:




1. ✅ ชันโรงขนเงิน (Tetragonula pagdeni)

  • พันธุ์ยอดนิยมของไทย

  • ชอบรังที่ลึกและแคบ เช่น กระบอกไม้ไผ่ หรือท่อ PVC

  • ตัวเล็ก ขนสีเงินบางๆ ตรงอก

  • ขยายรังเร็ว น้ำหวานเยอะ

  • เหมาะสุดๆ กับกล่องทรงยาว หรือกระบอกไม้ไผ่


2. ✅ ชันโรงปากหมู (Lepidotrigona terminata)

  • ปากรังมีลักษณะกลมมนเหมือน “ปากหมู”

  • ทำรังในไม้กลวงเล็กๆ ลึกๆ เช่นกระบอกไม้ไผ่ หรือโพรงไม้เตี้ย

  • ตัวเล็ก ดุพอสมควร แต่เลี้ยงได้

  • น้ำหวานหอมมาก นิยมใช้ในสวนทุเรียน


3. ✅ ชันโรงปากแตร (Lepidotrigona ventralis)

  • ปากรังเป็นรูปแตรยื่นยาวออกมา

  • ชอบรังที่โปร่ง อากาศถ่ายเท แต่ก็อยู่ในไม้ไผ่ได้ดี

  • รังจะต่อท่อแตรยาวๆ ออกมานอกกระบอก

  • น้ำหวานใส หอมอ่อน


🧱 ลักษณะของ “กระบอกไม้ไผ่” ที่เหมาะ:

  • ความยาว: 30–50 ซม.

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง: 10–15 ซม.

  • มีฝาปิดด้านหลัง และ เจาะรูด้านหน้า ขนาด ~1 ซม.

  • ด้านในไม่ต้องขัดมันมาก → ชันโรงจะติดเรซินได้ง่าย


💡 สรุปแบบชาวสวน:

“ถ้าอยากให้ชันโรงอยู่ไม้ไผ่ดีๆ เลี้ยงง่าย ต้องเอา ‘ขนเงิน’ หรือ ‘ปากหมู’ มาใส่
มันชอบที่แคบลึกเหมือนโพรงไม้ไผ่ธรรมชาติ
ปากแตรก็อยู่ได้ แต่จะต่อท่อโผล่ออกมายาวๆ ดูเท่ไปอีกแบบ!”

ขุดหรือเลื่อยเอาทั้งรัง (พร้อมเนื้อไม้รอบๆ) มาวางไว้ในกล่องเลี้ยง

 กรณีของชันโรง “ย้าแดง” หรือพันธุ์ที่ทำรังแข็งในโพรงไม้




👉 วิธีที่ได้ผลดีที่สุดคือ:

"ขุดหรือเลื่อยเอาทั้งรัง (พร้อมเนื้อไม้รอบๆ) มาวางไว้ในกล่องเลี้ยง"
แล้วปล่อยให้ชันโรงขยายรังต่อเองโดยไม่รบกวนโครงสร้างเดิม


🔧 วิธีทำ (แบบไม่ให้รังพัง ไม่ให้ชันโรงหนี)

1. เตรียมกล่องก่อน

  • ใช้กล่องไม้จริง (ไม่บางเกินไป)

  • ขนาดชั้นล่าง: ยาว 30–60 ซม. / กว้าง 13–14 ซม. / สูง 4 นิ้ว

  • เจาะรูทางเข้ากล่องด้านหน้า ขนาด 1 ซม.

2. ขุดหรือเลื่อยไม้พร้อมรัง

  • ขุดไม้ (หรือเลื่อย) รอบๆ รังให้เหลือ เนื้อไม้หุ้มรังไว้ราว 10–15 ซม.

  • ระวังอย่าให้โครงสร้างรังแตก

  • ไม่ต้องขูด ไม่ต้องแงะ ไม่ต้อง “แทะเข้าไปดูข้างใน”

ทำใจว่าเราเอา "บ้านพร้อมคนอยู่" มาไว้ในกล่องใหม่

3. วางทั้งรังลงในกล่อง

  • วางในตำแหน่งกลางกล่อง หรือเยื้องไปทางปากรู

  • ใช้เศษไม้ / กระดาษลัง รองกันโยกไปมา

  • ปิดฝากล่อง แล้วเจาะรูให้ชันโรงออกได้สะดวก

4. ตั้งกล่องไว้ตรงที่เดิม

  • วางกล่องที่จุดเดิมที่ตัดรังออกมา จะช่วยให้พวกงานหาทางกลับได้

  • หรือวางใกล้ๆ เดิม แล้ว ป้ายกลิ่นรังเก่าที่รูทางเข้าใหม่


📌 สรุปแบบชัดๆ:

“อย่าพยายามย้ายตัวรังออกจากโพรงโดยตรง”
เพราะรังย้าแดงมันแข็งและพังง่าย
วิธีดีที่สุดคือ...
🪓 ตัดเป็นก้อนพร้อมไม้ → วางในกล่องใหม่ → รอให้มันขยายต่อเอง